บริษัทของพี่ได้รับการรับรองรึเปล่า
หากท่านผ่านการทำงานมามากมาย โดยเฉพาะงานที่ต้องอาศัยความน่าเชื่อถือ หรืองานที่มีการวัดค่ามาตรฐานในการทำงาน เช่น KPI มาเกี่ยวข้องแล้ว ท่านคงหลีกเลี่ยงคำถามเหล่านี้ไม่ได้ โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวกับการแปลเอกสาร ก็ถือเป็นงานหนึ่งที่มักจะมีคำถามซ้ำๆ มาถามได้ทุกวัน (ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของลูกค้าที่ต้องการความมั่นใจก่อนใช้บริการ) อาทิ บริษัทของพี่ได้รับการรับรองรึเปล่า? บริษัทของพี่เคยรับงานของที่ไหนมาบ้าง บริษัทของพี่เชื่อถือได้มั๊ย บริษัทของพี่รับงานมากน้อยแค่ไหน บริษัทของพี่มีนักแปลกี่คน บริษัทของพี่แปลภาษาอะไรได้บ้าง ฯลฯ
นี่แค่ตัวอย่างคำถามเล็กๆ น้อยๆ หากในการทำงานจริงๆ แล้ว คำถามมีเป็น 100 เป็น 1000 คำถามมากกว่านี้ด้วยซ้ำ โดยทั่วไปแล้ว บริษัทที่รับแปลเอกสารมักจะมี Reference หรือแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้อยู่ใน ประวัติของการทำงาน หรือประวัติการรับงานของบริษัทอยู่แล้ว หากแต่บางครั้ง ลูกค้าที่จะใช้บริการแปลเอกสาร ก็ไม่ชอบอ่าน แต่อยากจะถามเพื่อฟัง ได้ยินกับหูให้ได้คำตอบกับตาด้วยตัวเองซะมากกว่า เพราะบางครั้ง แค่การพูดคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ ก็สามารถเป็นตัวชี้วัดคนพูดได้ว่าน่าเชื่อถือแค่ไหน ดังนั้นคำถามต่างๆ ที่ศูนย์การแปลหรือแม้กระทั่งบริษัทที่รับงานประเภทอื่นๆ ก็ดี ได้รับมา ก็เป็นเรื่องปกติที่ลูกค้าจะต้องถามมากมายหลายจุดสักหน่อย ที่ผ่านมา หรือหากลูกค้าไม่ถามเลย นั่นก็แสดงว่าลูกค้าอาจจะไม่เคยจ้างงานแปลใครมาก่อน เพราะหากคนที่มีคำถามมากกว่าคนทั่วไป นั่นอาจจะเป็นเพราะเค้าเคยผิดหวังกับการแปลหรืองานแปลของที่ใดที่หนึ่งมาก่อน
จริงๆ แล้วหากการแปลงาน เป็นงานทีต้องอาศัยฝีมือและความชำนาญของการแปล อยากจะแนะนำให้มีการทดสอบฝีมือการแปลของบริษัทนั้นๆ ก่อน โดยส่งตัวอย่างให้นักแปลลองได้แปลดู เพราะหากแปลไม่ถูกใจ จะได้วิจารณ์และขอเปลี่ยนตัวนักแปลใหม่ เพราะว่าการแปลงานไม่ใช่ว่านักแปลทุกคนจะแปลได้เหมือนกัน เนื่องด้วยประสบการณ์ในการทำงานแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนถนัดการแปลงานด้านเอกสารราชการ แต่บางคนถนัดแปลงานเฉพาะด้าน เฉพาะทาง เช่นการแปลงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยว การแปลคู่มือ แปลศัพท์ช่าง ศัพท์ทางการแพทย์ หรือด้านกฎหมาย เป็นต้น
เมื่อมีคำถามที่ว่า บริษัทของพี่ได้รับการรับรองรึเปล่า? บริษัทที่รับแปลงานเอกสารบางบริษัทอาจจะรู้สึกว่ากระแทกใจ ดูถูกการทำงานของศูนย์การแปลนั้นๆ หรือเปล่า แต่ในความเป็นจริงอาจจะไม่ใช่เจตนาของการดูถูกเลย เพราะคำถามที่ว่า บริษัทของพี่ได้รับการรับรองรึเปล่า? ถือเป็นคำถามที่เบสิค หรือธรรมดามากๆ
หากเราเป็นศูนย์รับแปลเอกสาร เป็นนักแปลมืออาชีพ เราต้องถือว่า ลูกค้าถามแสดงว่าลูกค้ารู้จักคำว่ามาตรฐาน แต่ต้องยอมรับว่า มีศูนย์การแปลเอกสารหลายแห่ง ที่ไม่มีใบรับรองการแปล หรือไม่ได้รับการรับรอง ซึ่งในหลักความเป็นจริงแล้ว บริษัทที่ได้รับการรับรองมา ก็ใช่ว่าจะได้มาตรฐานเสมอไป หากมาดูกันที่เนื้องานจริงๆ หลายๆ ที่ มีมาตรฐานการแปลงานที่ดีมาก แต่หลายแห่งอาจจะแปลงานไม่ได้ตามที่คนจ้างงานหรือลูกค้าคาดหวังไว้ นั่นก็เพราะว่าการแปลงานนั้นมีปัจจัยหลายประการที่มาเกี่ยวข้อง เช่น ความสามารถของการใช้ภาษา ความเข้าใจของเนื้อหาหรือเนื้อเรื่องที่ต้องแปล ความถนัดของงานแปลที่ได้รับมอบหมายมา เพราะเอกสารบนโลกนี้มีหลายร้อยแบบ
ดังนั้น ไม่ใช่ว่าทุกนักแปล จะสามารถแปลได้ดีในทุกๆ แบบ ในทุกๆ หัวข้อ เราเห็นตัวอย่างง่ายๆ ได้จากการอ่านนวนิยายของจีน หากท่านเคยอ่านจะพบว่า นักแปลแต่ละคนมีความสามารถในการแปลไม่เท่ากัน นักแปลแต่ละคนมีความสามารถในการถ่ายทอดไม่เท่ากัน และนักแปลแต่ละคนก็มีความพยายามในการหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจถึงภาษา (จีน) และแปลออกมาให้คนไทยอย่างเราๆ ได้อ่านได้เข้าใจมากที่สุด หลายคนมีเอกลักษณ์ในการแปลเป็นของตัวเอง เช่นใช้ภาษาวกวน (แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของวรรณกรรมด้วย ว่าใช้ภาษายาก หรือสื่อสารเล่นคำมากน้อยแค่ไหน) นี่แค่เป็นปัจจัยพื้นฐานเท่านั้นยังมีความยาก หากนับรวมเอาถึงวัฒนธรรมของจีนและความเชื่อ ขนบธรรมเนียมมารวมด้วย ก็ยิ่งมีจุดที่นักแปลต้องทำการบ้านเพิ่มอีกมากมาย จะเห็นได้ว่า บริษัทของพี่ได้รับการรับรองรึเปล่า? คงเป็นเรื่องที่เรียกว่า เป็นคำถามเด็กๆ เท่านั้นเอง