แปลเอกสาร: เรียนต่อต่างประเทศที่ไหนดี (1)
เรียนต่อต่างประเทศที่ไหนดี ตอนที่ 1
บทความนี้ผมเขียนขึ้นมาจากประสบการณ์โดยตรงในการหาที่เรียนต่อต่างประเทศ ในสมัยที่ไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา สำหรับน้องๆที่มีเพื่อน หรือญาติอยู่ที่นั่น แล้วต้องการไปอยู่กับเพื่อนหรือญาติคงจะไม่มีปัญหาเท่าไหร่ เพราะเราก็มุ่งมั่นไปที่เดียวเลย
แต่สำหรับน้องๆที่ผ่านมาเจอบทความนี้และลงมืออ่าน คงจะประสบปัญหาเหมือนผมในตอนนั้นที่เริ่มจากไม่รู้อะไรเลย และงมโข่งอยู่นานกว่าจะได้ข้อมูลอะไรต่างๆ ต้องเสียเวลา เสียเงิน เสียกำลังใจไปเยอะกว่าจะได้เรียน มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกามีเป็นพันแห่ง กระจายกันอยู่ทั่วประเทศ ทั้งที่เรียน ทั้งภูมิประเทศ ทุกสิ่งทุกอย่าง มากมายไปหมด ไม่รู้จะเลือกที่ไหนดี แล้วถ้าเลือกแล้วจะผิดพลาดหรือเปล่า เพราะเป็นการเลือกที่สำคัญไม่อยากผิดพลาด
ดังนั้นผมจึงอยากจะแบ่งปันประสบการณ์และบอกกับน้องๆที่กำลังหาที่ หรือหาข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนต่อต่างประเทศ โดยวิธีการที่ผมจะเสนอก็คือ การตั้งคำถามให้กับตัวเองเป็นขั้นเป็นตอนดังต่อไปนี้ เพื่อจำกัดสถานที่ต่างๆให้แคบลง และเหลือที่เหมาะกับเรามากที่สุด มาลองทำตามไปเป็นขั้นเป็นตอน แล้วก็หาข้อมูลตามไปด้วย มั่นใจว่าหลังจากทำทุกขั้นตอนแล้ว น้องๆคงได้ประโยชน์จากบทความนี้บ้าง ไม่มากก็น้อย
บริการของ Amkothai ที่เกี่ยวข้อง สำหรับนักเรียน นักศึกษาที่ต้องการไปศึกษาต่อต่างประเทศ
1. บริการเขียน Essay / Statement of Purpose หรืออื่นๆเพื่อยื่นขอศึกษาต่อต่างประเทศ
2. บริการแปลเอกสารรับรอง และเอกสารราชการต่างๆ และรับรองเอกสาร พร้อมยื่นขอวีซ่ากับกงสุล กระทรวงต่างประเทศ
เราจะเรียนอะไร
คำถามแรกที่สำคัญที่สุด ที่น้องๆทุกคนต้องถามตัวเองก่อน ในกรณีที่ blank จริงจัง ตั้งแต่เริ่มต้นจริงๆ ทราบอย่างเดียวว่าเราอยากจะไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่นอกนั้นไม่รู้อะไรเลย ก็คือ ?เราจะเรียนอะไร? คำถามนี้เราต้องหาคำตอบให้ชัดเจน และไม่คลุมเครือเพื่อจะใช้เป็นแนวทางในการหาที่เรียนต่อไปได้ เช่น เราจะเรียนต่อ MBA, สายวิศวกรรมศาสตร์, IT หรืออะไรก็ตาม
ต้องหาคำตอบให้ชัดเจนก่อนครับ มหาวิทยาลัยชื่อดังในสหรัฐอเมริกานั้น ไม่ได้หมายความว่าจะดี จะเด่น ไปซะทุกสาขาวิชานะครับ บางแห่งดังสายวิศวกรรมระดับโลก แต่สายภาษาไม่ดัง ไม่มีคุณภาพเลย เพราะไม่ได้เน้นก็มี อย่างนี้เราก็ตัดไปได้เยอะแล้วครับ
งบประมาณมีเท่าใด
ข้อจำกัดอันนี้ สร้างข้อแตกต่างได้มากทีเดียว ลองหาข้อมูลของตัวเองดูว่าจริงๆแล้วมีงบประมาณเท่าไหร่ ไม่อั้นหรือเปล่า หรืออั้นประมาณไหน ควรจะมีคำตอบไว้ในใจ เราได้ทุนจากองค์กรสถาบันแห่งไหนมาหรือเปล่า หรือใช้เก็บเงินมาเอง หรือใช้เงินจากทางบ้าน หากทางบ้านคุณมีฐานะดี และคุณไม่จำเป็นต้องเกรงใจคุณพ่อ คุณแม่ คุณก็มีทางเลือกมากขึ้น สามารถอยู่ที่มีค่าครองชีพแพงเท่าใดก็ได้ เลือกเรียนมหาวิทยาลัยที่แพงแค่ไหนก็ได้ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบ แต่หากมีข้อจำกัดทางด้านงบประมาณ เมืองใหญ่ทั้งหลาย เช่น นิวยอร์ค มิชิแกน ก็อาจไม่เหมาะกับคนเบี้ยน้อย หอยน้อยอย่างเราๆนะครับ นอกจากข้าวของจะแพงแล้ว ยังมีสิ่งล่อตา ล่อใจให้เสียเงินเต็มไปหมด เลี่ยงได้ก็เลี่ยงไปตั้งแต่แรกดีกว่า
บางมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกานั้น เขาจะเน้นมีทุนวิจัย ให้เยอะ หรือมีให้เป็นผู้ช่วยสอนให้เราได้รายได้พิเศษ เราก็พิจารณาเป็นทางเลือกได้ ถ้าได้จริงๆแล้ว เราก็จะมีรายได้เยอะเลยนะครับ แถมอาจได้ลดค่าเรียนด้วย ไม่ต้องไปทำงานเสริมให้เหนื่อย เอาเวลาไปตั้งใจเรียน หาประสบการณ์ด้านอื่นได้อีก ในขณะที่บางแห่งนั้นไม่มี เราก็ต้องจ่ายเองเต็มๆทุกอย่าง
หลังจากตัดสินใจแล้วว่าจะเรียนอะไร และเรามีงบประมาณ หรือแหล่งเงินสนับสนุนเท่าไหร่อย่างไรแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะมาย้อนดูตัวเองว่าเรามีอะไรบ้าง และเราพร้อมแค่ไหนที่จะไปเรียนอะไรที่ไหน ลองมาพิจารณากันเลยครับ
พบกับคำถามที่เหลือ ในตอนต่อไปนะครับ